โดย... พลอากาศตรี บุญเลิศ จุลเกียรติ
วินัย
เป็นพื้นฐานของการศึกษา
เป็นพื้นฐานของการพัฒนา
เป็นพื้นฐานของการดำเนินชีวิต
การศึกษา
ระบบการศึกษาในปัจจุบันกำลังหลงทาง เนื่องจากเรามุ่งเน้นที่ความรู้มากเกินไป ความรู้ไม่ใช่เครื่องมือที่จะใช้แก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ขณะนี้โลกเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารและความรู้ แต่ปัญหากลับยิ่งพอกพูน คนจบปริญญาเอกยังอาจฆ่าตัวตาย และคนจบปริญญาโทยังอาจทุจริตคอร์รัปชัน
ระบบการศึกษาที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาของมนุษยชาติอย่างยั่งยืนได้ต้องเป็นระบบการศึกษาที่นำไปสู่ความรู้ และ “ปัญญา” น่าเสียดายมาก ที่ระบบการศึกษาของเรามองข้าม หลักไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิและปัญญา การเรียนรู้ในบรรยากาศที่ขาดสมาธิ จะได้แค่ข้อมูลและความรู้ ปัญญาที่เกิดจากการเรียนรู้รับฟัง (สุตมยปัญญา) จะเกิดได้ในบรรยากาศที่มีสมาธิแต่บรรยากาศของการเรียนรู้จะเกิดสมาธิไม่ได้ ถ้าขาดศีลหรือวินัย
เกือบทุกท่านคงยอมรับว่าขณะนี้สังคมไทยยังเป็นสังคมที่พร่องวินัย กรุณามองกลับไปดูบรรยากาศในทุกระดับชั้นเรียนที่เราเคยผ่านมาว่า มีการเน้นย้ำเรื่องวินัยมากน้อยเพียงไร เยาวชนของเราเห็นความสำคัญของการตรงต่อเวลาแค่ไหน เขายังทิ้งขยะผิดที่หรือเปล่า และในชั้นเรียนยังมีเสียงโทรศัพท์มือถือ การพูดคุยกันตามอำเภอใจ การเดินเข้าออกเปะปะ และการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนในวิชานั้นหรือไม่
ปัญญาที่แก้ปัญหามนุษย์ได้คือ “ปัญญาแห่งการรู้จักตัวเองและรู้เท่าทันธรรมชาติ” ซึ่งสามารถสอนในชั้นเรียนได้ ขึ้นอยู่กับผู้ถ่ายทอดเนื้อหา วิธีการถ่ายทอด และขึ้นอยู่กับผู้รับการถ่ายทอด บทความนี้เน้นที่ผู้รับถ่ายทอดว่า จะต้องได้รับการปลูกฝังด้านวินัย (ศีล) เพื่อให้เกิดความเตรียมพร้อม (สมาธิ) ที่จะพัฒนาให้เกิด “ปัญญา” ท่านที่สนใจเรื่องแนวทางการถ่ายทอด ขอความกรุณาหาข้อมูลได้จากบทความเรื่อง “ทางสู่สังคมแห่งปัญญา”
การพัฒนา
การพัฒนาประเทศจะไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนได้ ถ้าเราไม่เริ่มต้นที่วินัย เพราะวินัยเป็นพื้นฐานของความรับผิดชอบ และวินัยกับความรับผิดชอบ จะเป็นพื้นฐานของความซื่อสัตย์สุจริต
เป็นไปไม่ได้ครับ ที่เราจะพัฒนาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคมได้ ถ้ายังมีการทุจริตคอร์รัปชันในระดับนี้อยู่ในสังคมไทย การบริหารงานในทุกหน่วยงาน มีการตื่นตัวเรื่องการสร้าง การกำกับ และตรวจสอบด้วยระบบ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปจะพบว่า หลายหน่วยงานที่นำระบบการบริหารจัดการมาปฏิบัติ ต้องเปลี่ยนระบบไปแล้วกี่ระบบ ทั้งๆ ที่ทุกระบบการบริหารถูกวางแผนค้นคิดมาแล้วอย่างดี แต่เมื่อนำมาใช้แล้วไม่ได้ผล ไม่กี่ปีก็ต้องเปลี่ยนระบบใหม่ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นระบบที่ดีกว่า
ถ้าจะเปรียบการทำงานด้วยระบบเหมือนการปั้น บุคลากรในหน่วยงานก็จะเปรียบได้กับวัสดุที่ใช้ปั้น การปั้นจะดีวิเศษอย่างไร ถ้าวัสดุที่ใช้ปั้นยังเป็นเลนเละๆ ปั้นอย่างไรก็จะไม่ได้รูปทรงที่ต้องการอย่างถาวร ที่ผ่านมาเรามัวหลงไปเปลี่ยนวิธีปั้น คือการเปลี่ยนระบบบริหารโดยลืมนึกถึงหรือมองข้ามความจริงว่า สาเหตุของความไม่สำเร็จ เกิดจากวัสดุที่ใช้นั้น ยังไม่ใช่วัสดุพร้อมปั้นต่างหาก พื้นฐานของการพัฒนาการบริหาร น่าจะเป็นการเตรียมวัสดุที่ใช้ปั้นให้พร้อม
การเตรียมวัสดุที่ใช้ปั้น ให้เป็นวัสดุพร้อมปั้นได้ จำเป็นต้องเติม “สาร” หรือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดลงไป และองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่จะต้องมีในวัสดุ หรือบุคลากรขององค์กร ก็คือ “วินัย” นั่นเอง
ถ้าไม่เริ่มสร้างองค์กรที่มีวินัย กี่ระบบการบริหารก็คงนำมาใช้ไม่ได้ผล กรุณาอย่ามัวหลงเปลี่ยนหรือค้นหาระบบใหม่ๆ กลับมาเริ่มที่การปลูกฝังวินัยก่อนดีกว่า และถ้าจะมาเริ่มกันตอนโตแล้วจะสายเกินไปไหม? คำตอบคือ ไม่สายครับ ดีกว่าไม่เริ่มเลยแน่ๆ แต่ก็แน่นอนครับ ถ้าเริ่มได้ตั้งแต่เด็กน่าจะดีที่สุด เพราะมันจะสามารถหยั่งรากแก้วเป็นค่านิยมที่ไม่สั่นคลอน ถ้ามาเริ่มตอนอายุมาก อาจจะได้แค่รากแขนง ซึ่งก็ยังดีกว่าไม่มีรากยึด
ถ้ามาเริ่มเอาตอนโต แล้วมีการเอากฎระเบียบมาบังคับใช้อย่างจริงจังร่วมด้วย ก็พอจะหวังได้ว่าน่าจะไปรอดครับ
การดำเนินชีวิต
แน่นอนครับ ทุกคนอยากดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข แต่ลองคิดดูนะครับ ถ้าเกิดรถติดอยู่และทุกคนต่างก็อยากรีบ แต่รถที่มาทีหลังใช้ไหล่ทางแทรกเข้ามาเพื่อจะได้ไปก่อน ในขณะที่รถที่อยู่ในช่องทางปรกติกับถูกเอาเปรียบจากคนหน้าด้านที่ขาดวินัย การดำเนินชีวิตของท่านจะมีความสุขไหมครับ
เคยมีผู้มีประสบการณ์รถติดบนถนนใหญ่ระหว่างรัฐในประเทศออสเตรเลียเล่าให้ฟังว่า ขณะรอการขับเคลื่อนแบบสลับคันระหว่างรถหลายช่องทางที่ถูกเบียดให้เหลือช่องทางเดียวจากอุบัติเหตุอยู่ประมาณเกือบสองชั่วโมง สังเกตเห็นรถที่เปิดเลนวิ่งบนไหล่ทางเพียงไม่กี่คัน และทุกคันล้วนแล้วแต่เป็นรถตำรวจหรือไม่ก็รถพยาบาลทั้งสิ้น รถทั่วไปจะรอสลับคันเพื่อผ่านคอขวด ตามกฎ “มาก่อนไปก่อน” ไม่ใช่ “มาทีหลัง หน้าด้าน ได้ไปก่อน” อย่างที่เราเห็นๆ กัน
ลองดูสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว กับประเทศที่ด้อยหรือกำลังพัฒนา จะพบว่าต่างกันมาก การขาดวินัยเป็นสาเหตุสำคัญข้อหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ
ท่านเคยไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลแล้วต้องนั่งรอหมอนานนับชั่วโมงหรือไม่ และเคยมีประสบการณ์ที่หมอหรือพยาบาล มีพฤติกรรมหรือพูดจาทำให้ท่านไม่พอใจหรือไม่ กรุณาอย่าเพิ่งโทษหมอพยาบาลอย่างเดียวนะครับ เพราะขณะนี้ไม่ใช่เฉพาะหมอหรือพยาบาลที่มีปัญหา ตำรวจ ทหาร ทนายความ ครู พระ และช่างซ่อมรถ ก็มีปัญหาทุกวงการ เพราะผู้ที่จะมาเรียนเป็นหมอ เป็นพยาบาล เป็นตำรวจ หรือบวชเป็นพระก็คือลูกชาวบ้านนั่นเอง ถ้าลูกชาวบ้านเข้าเรียนสาย ทิ้งขยะเปะปะและนั่งคุยกันในห้องเรียนได้ จบเป็นหมอ ก็ออกตรวจสายได้ จบเป็นพยาบาลก็อาจเย้าหยอกกันเองขณะดูแลคนไข้หนักได้
ถ้าเราไม่ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสรรสังคมให้มีวินัย เราก็คงจะต้องทนดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมที่มีการเอาเปรียบคดโกง เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและสังคมที่เป็นทาสของวัตถุกันต่อไป
วินัยไม่ได้เริ่มที่บ้าน หรือโรงเรียน วินัยเริ่มที่ตัวเราเอง และเริ่มได้ทันที ครับผม
|